วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การออกเดทตอนแต่งงาน

หลังจากที่แต่งงานมาได้ 21 ปี
ผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
เพราะวันหนึ่งภรรยาผมบอกว่า ผมต้องออกเดทกับผู้หญิงคนหนึ่ง
มันเป็นไอเดียของเธอล้วนๆจริงๆนะ
" ฉันรู้ว่าคุณรักเธอ " ภรรยาผมว่า
" แต่ผมรักคุณนี่ " ผมเถียง
" ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ด้วยเหมือนกัน"

ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ แม่ของผมเอง
ซึ่งเป็นหม้ายมา 19 ปีแล้ว
เนื่องจากงานที่รัดตัวและต้องดูแลลูกๆ
ทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น
วันที่ผมโทรไปหาแม่เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนัง
แม่ถามว่า "มีอะไรหรือ? ลูกสบายดีรึเปล่า? "
แม่ผมเป็นผู้หญิงประเภทที่คิดว่าการที่คนโทรมาหากลางดึก
หรือเชิญอย่างกระทันหัน

หมายความว่ามีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น
ผมตอบแม่ว่า
"ผมว่าดีออกถ้าเราได้ใช้เวลากันตามลำพังสองคนแม่ลูกบ้าง"
แม่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า " แม่ยินดีมากเลยจ้ะ "
เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมขับรถไปรับแม่ที่บ้าน
ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อผมไปถึงบ้านแม่
ผมก็สังเกตุได้ว่า
แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
แม่สวมเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว

แม่ม้วนผมแล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่งงานครั้งสุดท้าย
พลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใสราวกับทูตสวรรค์
"
แม่บอกเพื่อนๆว่าแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกชาย พวกเขาประทับใจกันใหญ่ "
แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถ " พวกเขารอฟังแทบไม่ไหวเลย "
เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหรา
แต่ก็ดีเยี่ยมและบรรยากาศก็อบอุ่นสบายๆมากๆ
แม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
หลังจากที่เรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว
ผมต้องเป็นฝ่ายอ่าน เมนูอาหาร
เพราะสายตาของแม่อ่านได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ๆเท่านั้น

เมื่อผมอ่านเมนูอองเทรไปได้เพียงครึ่ง
ผมเงยขึ้นมองเห็นแม่กำลังมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึก
ถึงความหลัง
"ตอนที่ลูกยังเล็กนั้น แม่ต้องเป็นคนอ่านเมนูให้ลูกฟัง "
แม่ว่า "
งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟังสบายๆบ้าง
" ผมตอบ
ในระหว่างมื้ออาหารนั้น
เราคุยกันอย่างถูกคอ-ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร-เพียงแต่สลับกัน
ถามว่าชีวิตของเราเป็นยังไงทำอะไรที่ไหนมาบ้าง
เราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทัน
เมื่อผมไปส่งแม่ที่บ้าน แม่พูดว่า
"แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกอีกนะ แต่คราวนี้ลูกต้องยอม
ให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ"
ผมตอบตกลง
"ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง?" ภรรยาถามเมื่อผมกลับถึงบ้าน
"ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย" ผมตอบ
ไม่กี่วันต่อมา แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
มันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลย
หลายวันต่อมา
ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัตตาคารที่ผมกับแม่เคยไป
มีโน๊ตเล็กๆแนบมาด้วยว่า
" แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว
แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปไม่ได้

แต่อย่างไรก็ตาม แม่ก็จ่ายสำหรับสองคน คือลูกกับภรรยา
ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่า
วันนั้นมีความหมายต่อแม่มากแค่ไหน , รักลูกจ้ะ "
วินาทีนั้น ผมเข้าใจถึงความสำคัญของการกล่าวคำว่า " รัก "
ต่อคนที่เรารักในช่วงเวลาที่
เค้าต้องการมัน
ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณ
จงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกเค้าต้องการคุณ
เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจผลัดวันประกันพรุ่งได้
บางคนบอกว่า หลังจากที่คุณคลอดบุตรแล้วต้องใช้เวลาราว
6 สัปดาห์จึงจะคืนสู่สภาพเดิม
คนนั้นไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณได้เป็นแม่คนแล้ว
ไม่มีคำว่าคนเดิมอีกต่อไป

บางคนบอกว่า คนเราเรียนรู้การเป็นแม่ได้เองตามสัญชาติญาณ
คนนั้นไม่เคยพาลูกสามขวบไปซูเปอร์มาร์เกต

บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นน่าเบื่อ

คนนั้นไม่เคยนั่งรถที่ลูกวัยรุ่นขับหลังจากที่ได้ใบขับขี่มาหมาดๆ

บางคนบอกว่า ถ้าคุณเป็นคนดี ลูกออกมาก็จะดีเอง
คนนั้นนึกว่าเด็กคลอดออกมาพร้อมกับคู่มือการใช้และใบรับประกัน

บางคนบอกว่า แม่ที่ดีไม่ควรขึ้นเสียงกับลูก

คนนั้นไม่เคยเปิดประตูหลังบ้านออกมาทันได้เห็นลูกหวดลูกกอล์ฟเข้าใส่หน้าต่าง
ครัวของเพื่อนบ้านพอดิบพอดี

บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นไม่ต้องมีการศึกษาก็ได้
คนนั้นไม่เคยช่วยลูกประถมสี่ทำการบ้านเลข

บางคนบอกว่า แม่รักลูกคนที่ห้าไม่เท่าลูกคนแรก

คนนั้นไม่เคยมีลูกห้าคน

บางคนบอกว่า
ช่วงที่ยากที่สุดของการเป็นแม่คือตอนเลี้ยงและตอนคลอด
คนนั้นไม่เคยยืนดูลูกขึ้นรถเมลไปโรงเรียนอนุบาลวันแรก
หรือขึ้นเครื่องบินไปบู๊ทแคมป์ของทหาร

บางคนบอกว่า งานของแม่นั้นหมูๆ ปิดตาสองข้าง
หรือมัดมือไว้ข้างหนึ่งก็ยังไว้
คนนั้นไม่เคยสอนการออกเดินขายคุ๊กกี้ให้กับเหล่ายุวนารี 7
คนที่กระจุ๊กกระจิ๊กคิกคักกัน
อยู่ตลอดเวลา

บางคนบอกว่า แม่เลิกกังวลได้แล้ว
หลังจากที่ลูกแต่งงานออกเรือนไป


คนนั้นไม่รู้ว่าการแต่งงานคือการนำลูกชายหรือลูกสาวคนใหม่เข้ามาอยู่ในสายใยใจของแม่

บางคนบอกว่างานของแม่สิ้นสุดลงเมื่อลูกคนสุดท้ายออกจากบ้านไป
คนนั้นไม่เคยมีหลานยาย หรือหลานย่า

บางคนบอกว่า แม่รู้ดีอยู่แล้วว่าคุณรักท่าน เพราะงั้น
ไม่ต้องบอกท่านก็ได้
คนนั้นไม่เคยเป็นแม่คน

โปรดส่งต่อถึงทุกคนที่เป็น "แม่" และทุกคนที่มี "แม่"


ที่มา : เจ้นวล
เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 
Powered by Blogger